เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัวพลาสโมเดียม เชื้อที่ทำให้เกิดโรคในคนมี 4 ชนิด คือ ฟัลซิปารัม ไวแวกซ์ มาลาเรียอี และโอวาเล เชื้อมาลาเรียที่พบบ่อยในประเทศไทย คือ ชนิดฟัลซิปารัม และไวแวกซ์ |
ฟัลซิปารัม จะก่อให้เกิดอาการรุนแรงอาจถึงแก่ขีวิตได้ ส่วนชนิดไวแวกซ์ และโอวาเล สามารถซ่อนอยู่ในตับได้นาน และออกสู่กระแสเลือดได้ในภายหลัง ทำให้กลับเป็นโรคซ้ำได้อีก |
|
แหล่งระบาด |
แหล่งระบาดของมาลาเรียอยู่ตามจังหวัดชายแดน โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นภูเขาสูง ป่าทึบ และมีแหล่งน้ำ ลำธาร อันเป็นแหล่งแพร่พันธุ์ของยุงก้นปล่อง |
จังหวัดที่พบผู้ป่วยมาลาเรียส่วนใหญ่ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ตาก ตราด ระนอง กาญจนบุรี จันทบุรี สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี และชุมพร |
|
การติดต่อ |
ติดต่อสู่คนโดยการถูกยุงก้นปล่องตัวเมียที่มีเชื้อมาลาเรียกัด |
|
วงจรชีวิต |
|
1. เชื้อมาลาเรียที่กระเพาะอาหาร
2. เชื้อมาลาเรียระยะติดต่อในต่อมน้ำลายของยุง
3. ระยะที่เชื้ออยู่ในตับคน
4. เชื้อมาลาเรียถูกปล่อยจากตับเข้าสู่กระแสเลือด
5. เชื้อมาลาเรียชนิดมีเพศ |
|
อาการ |
หลังจากได้รับเชื้อมาลาเรียประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะมีอาการนำคล้ายกับเป็นหวัด คือ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหารได้ ลักษณะเฉพาะของโรคที่เรียกว่า ไข้จับสั่น คือ มีอาการหนาวสั่น ไข้สูง และตามด้วยเหงื่อออก จะพบได้ในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น |
|
การวินิจฉัย |
โดยการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อมาลาเรีย |
|
|
การรักษา |
มาลาเรียเป็นโรคที่รักษาให้หายขาดได้ ถ้าได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง รวดเร็ว และได้รับการรักษาด้วยยาที่มีประสิทธิภาพ ตรงตามชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุ |
การซื้อยารักษาด้วยตนเอง หรือกินยาไม่ครบ อาจทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยา หรือทำให้เป็นโรครุนแรงขึ้น และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ |
|
การป้องกัน |
เมื่อจะต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีแหล่งระบาดของมาลาเรีย ควรป้องกันตนเองไม่ให้ยุงกัด ดังนี้
1. สวมเสื้อผ้าป.กปิดร่างกายให้มิดชิด ควรใช้เสื้อผ้าสีอ่อนๆ
2. ทายากันยุง
3. นอนในมุ้ง (ถ้าใช้มุ้งชุบน้ำยา จะเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน)
4. ถ้านอนในห้องที่มีมุ้งลวด ควรพ่นยากันยุงก่อน
|