|
|
โรคพยาธิใบไม้ปอด |
โรคพยาธิใบไม้ปอด ชนิดพาราโกนิมัส (Paragonemus) เข้าไปอาศัยอยู่ในปอด โรคนี้เกิดได้ในคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เช่น แมว สุนัข เป็นต้น |
|
การติดต่อโรค |
คนและสัตว์ติดต่อโรคได้โดยการกินปูและกุ้งน้ำจืดบางชนิดที่ดิบๆ เช่น ปูน้ำตก ปูลำห้วย ปูป่า กุ้งฝอย ที่มีตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิใบไม้ปอดอยู่ ตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิจะไชทะลุผนังลำใส้เล็กส่วนต้นออกสู่ช่องท้องผ่านกระบังลมเข้าฝังตัวในปอด
เจริญเป็นตัวเต็มวัยอยู่ในถุงหุ้ม และออกไข่สีเหลืองอมน้ำตาลจำนวนมาก ไข่จะออกมากับเสมหะและบางครั้งอาจพบตัวพยาธิในเสมหะด้วย ถ้าคนไข้กลืนเสมหะอาจพบไขพยาธิในอุจจาระ ไข่ที่ปนเปื้อนในน้ำจะเจรฺญเติบโตในหอยและปูตามลำดับ |
|
|
|
รูปปูขน Eriocheir japonicus เป็นตัวนำโฮสท์ตัวกลางตัวที่สองของพยาธิ P.westermani ที่พบบ่อยที่ประเทศญี่ปุ่น จีนและเกาหลี พยาธิตัวอ่อนระยะติดต่อ (metacercaria) จะอยู่ในเหงือกของปู อยู่เรียงกันเป็นแถว |
|
|
|
|
รูปกุ้ง Procambarus clarkii ตัวนำโฮสท์ตัวกลางตัวที่สองอีกชนิดหนึ่งของพยาธิ P.westermani |
|
|
วงจรชีวิตของพยาธิใบไม้ปอด |
คลิกเพื่อดูรูปวงจรชีวิตที่นี่ครับ |
|
แหล่งระบาด |
พบโรคนี้ในหลายประเทศของทวีปเอเชีย แอฟริกาและอเมริกาใต้ สำหรับประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยในบางท้องที่ของจังหวัดเพชรบรูณ์ สระบุรี นครนายก เชียงราย น่าน เลย ราชบุรี พยาที่พบเป็นพยาธิชนิดพาราโกนิมัส เฮเทอโรทรีมัส (Paragonimus heterotremus) |
|
สาเหตุและอาการ |
เมื่อพยาธิอยู่ในปอดจะทำให้ปอดอักเสบ คนไข้มีอาการเจ็บหน้าอก ไอเรื้อรังบางครั้งมีเลือดปนออกมากับเสมหะ พยาธิอาจไชไปอยู่ที่อวัยวะอื่นได้ เช่น ตับ ลำใส้ กล้ามเนื้อ เยื่อบุช่องท้อง และสมอง ทำให้เกิดอาการผิดปกติของอวัยวะเหล่านั้น |
|
|
|
รูปเสมหะของผู้ป่วยเป็นโรคพยาธิใบไม้ปอดสีสนิมเหล็ก |
|
|
ลักษณะพยาธิ |
|
|
รูปพยาธิ Paragonimus heterotremus เป็นพยาธิใบไม้ปอดอีกชนิดหนึ่งที่พบในคนไทย เมื่อพยาธิยังไม่ตายมีสีชมพูขนาดยาว 11-14 มม. กว้าง 6-8 มม. รังไข่เป้นแขนง อัณฑะ มี2 อันขนาดใหญ่อยู่ส่วนท้ายลำตัว |
|
|
|
|
รูปพยาธิ P.heterptremus ได้จากผู้ป่วยที่เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล |
|
|
|
|
รูปไข่ P. heterotremus รูปไข่สีเหลืองทองขนาด 77-80 * 40-50 ไมครอนเปลือก ไข่หนาและมีขนาดสม่ำเสมอกันตลอด |
|
|
|
|
รูปพยาธิตัวอ่อนระยะติดต่อ (metacercaria) ของ P.heterotremus มีลักษณะเป็นรูปไข่ มีเปลือกสองชั้น ๆ นอกบางส่วนอื่นๆ ภายในมีตัวอ่อนระยะติดต่ออยู่ ซึ่งจะเห็นส่วน caecaอยู่รอบ bladder |
|
|
การวินิจฉัย |
- จากการไอเรื้อรัง และมีประวัติการกินปูหรือกุ้งน้ำจืดดิบๆ
- ตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาไข่พยาธิในเสมหะ อุจจาระ หรือน้ำจากช่องปอดของคนไข้
|
|
การรักษา |
ยาที่ใช้รักษาได้แก่ พราซิควอนเทล นิโคลโฟแลน และไบไธโอนิล ยาเหล่านี้มีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก ดังนั้น การรักษาจึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น |
|
การป้องกัน |
- หลีกเลี่ยงการกินปูหรือกุ้งที่ไม่ได้ปรุงสุกด้วยความร้อน
- ไม่ให้อาหารจำพวกปูหรือกุ้งดิบๆ แก่สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว เพระจะทำให้สัตว์เลี้ยงนั้นเป็นแหล่งแพร่โรคได้
- ไม่บ้วนเสมหะ หรือถ่ายอุจจาระลงแหล่งน้ำ เพื่อป้องกันการกระจายโรค
|
|